Level#📌 B08B8 ประเภทของฐานรากลึก: การเลือกใช้งานที่เหมาะสมกับแผนการก่อสร้าง

[Cindy700]

โครงสร้างรองรับลึก (Deep Foundation) เป็นองค์ประกอบสำคัญในงานวิศวกรรมที่ช่วยเสริมความมั่นคงของโครงสร้างในพื้นที่ที่ชั้นดินด้านบนไม่แข็งแรงเพียงพอสำหรับรองรับน้ำหนักทั้งปวง ฐานรากลึกมีหลายชนิด ซึ่งแต่ละจำพวกมีคุณสมบัติ จุดเด่น รวมทั้งข้อกำหนดส่วนตัว การเลือกฐานรากลึกที่เหมาะสมกับแผนการก่อสร้างก็เลยเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและสมรรถนะขององค์ประกอบ เนื้อหานี้จะพาคุณทำความรู้จักกับชนิดของฐานรากลึก พร้อมวิธีการเลือกใช้งานในโครงการก่อสร้างที่ต่างกัน

📢🌏👉โครงสร้างรองรับลึกเป็นอย่างไร?

รากฐานลึกเป็นส่วนของส่วนประกอบที่ถ่ายโอนน้ำหนักของตึกหรือสิ่งปลูกสร้างลงไปยังชั้นดินหรือชั้นหินที่มีความแข็งแรงเพียงพอ โดยอยู่ลึกกว่าฐานรากตื้น (Shallow Foundation) โครงสร้างรองรับลึกเหมาะกับโครงงานที่ต้องการรองรับน้ำหนักมาก หรือในพื้นที่ที่ชั้นดินข้างบนอ่อนตัว ดังเช่น ดินเลน ดินปนทรายหละหลวม หรือพื้นที่ใกล้แหล่งน้ำ

🌏🥇⚡ชนิดของฐานรากลึก

ฐานรากลึกสามารถแบ่งออกได้เป็นหลากหลายชนิด ขึ้นกับรูปแบบของการก่อสร้างแล้วก็การถ่ายโอนน้ำหนัก โดยจำพวกที่พบได้มากในงานวิศวกรรม เช่น:

-------------------------------------------------------------
บริการ Boring Test | บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท ซอยล์ เซอร์วิส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท ทดสอบดิน บริการ Soil Test วิเคราะห์และทดสอบดิน ทดสอบความสมบูรณ์ของเสาเข็ม (Seismic Integrity Test)

👉 Tel: 064 702 4996
👉 Line ID: @exesoil
👉 Facebook: https://www.facebook.com/exesoiltest/
👉 Website:  เจาะสํารวจดิน
👉 Map: เส้นทาง
-------------------------------------------------------------

1. เสาเข็ม (Pile Foundation)
เสาเข็มเป็นรากฐานลึกที่ใช้กันอย่างล้นหลาม โดยมีลักษณะเป็นเสาที่ตอกหรือเจาะลงไปในดินเพื่อถ่ายโอนน้ำหนักของส่วนประกอบลงสู่ชั้นดินที่แข็งแรง เสาเข็มแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก:

เสาเข็มตอก (Driven Piles):
จัดตั้งโดยการตอกเสาเข็มลงไปในดิน เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ปรารถนาความรวดเร็วและก็ลดเงินลงทุน แม้กระนั้นการตอกเสาเข็มอาจทำให้กำเนิดแรงสั่นสะเทือนต่ออาคารใกล้เคียง
เสาเข็มเจาะ (Bored Piles):
จัดตั้งโดยการขุดหรือเจาะหลุมแล้วใส่คอนกรีตเสริมเหล็กลงไป เหมาะกับพื้นที่ที่อยากได้ลดผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน อย่างเช่น ใกล้กับอาคารที่มีโครงสร้างหวั่นไหว

2. ฐานเข็มเจาะ (Drilled Shaft Foundation)
ฐานเข็มเจาะ หรือที่เรียกว่า Caisson เป็นรากฐานลึกที่จัดตั้งโดยการเจาะหลุมขนาดใหญ่ลงไปในดินหรือหิน แล้วใส่คอนกรีตลงไปเพื่อสร้างฐานราก วิธีนี้เหมาะสำหรับโครงการที่จำเป็นต้องรองรับน้ำหนักมากมาย เช่น สะพาน หรืออาคารสูง โดยมีข้อดีก็คือความแข็งแรงและความสามารถสำหรับเพื่อการรับน้ำหนักที่สูง

3. ฐานรากแบบเสาเข็มรวม (Pile Group Foundation)
ในบางโครงการบางทีอาจจำต้องใช้เสาเข็มหลายต้นรวมกันเป็นกรุ๊ป เพื่อเพิ่มความแข็งแรงสำหรับเพื่อการรับน้ำหนัก โดยฐานรากอย่างนี้มักใช้ในโครงสร้างที่มีน้ำหนักกระจายตัว เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือโครงสร้างสะพาน

4. ฐานรากลึกประเภทฝัง (Embedded Foundation)
ฐานรากชนิดนี้ถูกฝังไว้ใต้ดินและก็เชื่อมโยงกับส่วนประกอบข้างบน เหมาะสำหรับโครงงานก่อสร้างในพื้นที่ที่ปรารถนาลดผลพวงจากการเคลื่อนของดิน เป็นต้นว่า อาคารที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ลาดชัน

5. ฐานรากลึกพิเศษ (Specialized Deep Foundations)
ในบางคราวที่องค์ประกอบมีความซับซ้อน อาทิเช่น ในพื้นที่แผ่นดินไหวหรือในทะเล รากฐานลึกพิเศษ เช่น เสาเข็มแบบคอนกรีตอัดแรงหรือฐานรากแบบใต้สมุทร จะถูกนำมาใช้งาน

✅✅✨การเลือกฐานรากลึกให้เหมาะสม

การเลือกฐานรากลึกที่เหมาะสมกับโครงการก่อสร้างขึ้นอยู่กับหลายต้นเหตุ เช่น:

1. ภาวะดินในพื้นที่
การสำรวจชั้นดินในพื้นที่เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยทำให้ทราบถึงคุณลักษณะของดิน เช่น ความแข็งแรง ความลึกของชั้นดินแข็ง และก็ระดับน้ำใต้ดิน ซึ่งจะเป็นตัวระบุประเภทรากฐานที่เหมาะสม

2. รูปแบบของโครงสร้าง
น้ำหนักและก็รูปแบบขององค์ประกอบ ดังเช่นว่า อาคารสูง สะพาน หรือโครงสร้างใต้น้ำ จะมีผลต่อการเลือกโครงสร้างรองรับลึก ถ้าเกิดส่วนประกอบมีน้ำหนักมาก จำเป็นต้องใช้ฐานรากที่สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี เช่น ฐานเข็มเจาะหรือรากฐานแบบเสาเข็มรวม

3. ข้อกำหนดทางด้านกายภาพ
ในพื้นที่ที่มีข้อจำกัด ดังเช่น พื้นที่แคบ หรือใกล้กับตึกอื่น โครงสร้างรองรับแบบเสาเข็มเจาะจะเหมาะสมกว่า ด้วยเหตุว่าลดผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน

4. สภาพแวดล้อมและปัจจัยภายนอก
สิ่งแวดล้อม เป็นต้นว่า การกัดเซาะของน้ำ หรือการเกิดแผ่นดินไหว เป็นปัจจัยที่จำเป็นต้องไตร่ตรองสำหรับเพื่อการวางแบบแล้วก็เลือกฐานรากลึก

🎯👉👉ข้อดีและก็ข้อกำหนดของโครงสร้างรองรับลึกจำพวกต่างๆ

จุดเด่นของโครงสร้างรองรับลึก
-รองรับน้ำหนักได้มาก
-ลดปัญหาเรื่องการทรุดของส่วนประกอบ
-ใช้งานได้ในสภาพดินหลากหลายประเภท
-เพิ่มความมั่นคงให้กับองค์ประกอบในพื้นที่เสี่ยง

ข้อจำกัดของรากฐานลึก
-ขั้นตอนการจัดตั้งซับซ้อน
-ใช้เครื่องจักรเฉพาะทาง
-ต้องการการสำรวจและวางแบบที่ถูกต้อง

🥇👉✅ตัวอย่างการใช้แรงงานฐานรากลึกในแผนการจริง

อาคารสูงในเขตเมือง:
อาคารสูงในเมืองใหญ่อยากได้ฐานรากลึกเพื่อรองรับน้ำหนักและก็ลดผลพวงจากแรงสั่นสะเทือน โครงสร้างรองรับแบบเสาเข็มเจาะก็เลยเป็นตัวเลือกยอดนิยม
สะพานผ่านแม่น้ำ:
สะพานปรารถนาโครงสร้างรองรับลึกซึ่งสามารถรองรับแรงกดดันจากน้ำและการสั่นกระเทือน ฐานเข็มเจาะขนาดใหญ่ก็เลยถูกเลือกใช้
โครงสร้างในทะเล:
แผนการก่อสร้างในสมุทร อย่างเช่น แท่นขุดน้ำมัน ใช้โครงสร้างรองรับแบบพิเศษที่ดีไซน์มาเพื่อต้านแรงจากคลื่นรวมทั้งกระแสน้ำ

🦖👉🛒ผลสรุป

ฐานรากลึก มีหลายชนิดที่สามารถปรับใช้งานให้เหมาะสมกับลักษณะของโครงงานก่อสร้างแล้วก็ภาวะดินในพื้นที่ การเลือกโครงสร้างรองรับที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับองค์ประกอบ แม้กระนั้นยังช่วยลดความเสี่ยงรวมทั้งค่าใช้จ่ายในระยะยาว การพิเคราะห์ปัจจัยต่างๆยกตัวอย่างเช่น ภาวะดิน น้ำหนักขององค์ประกอบ และความจำกัดทางด้านกายภาพ จึงเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับในการดีไซน์รากฐานลึก

โครงสร้างรองรับลึกที่เลือกใช้อย่างเหมาะควรจะช่วยทำให้ส่วนประกอบมีความแข็งแรง แข็งแรง และสามารถรองรับการใช้งานในระยะยาวได้อย่างแน่ใจ ไม่ว่าจะเป็นแผนการในพื้นที่ดินอ่อน พื้นที่อุทกภัย หรือแม้แต่โครงงานในสมุทร โครงสร้างรองรับลึกจะยังคงเป็นหัวใจหลักของงานวิศวกรรมในทุกยุคสมัย
Tags : ทดสอบเสาเข็ม seismic test ราคา